หลายครั้งเรามักเข้าข้างตัวเราเองว่า “ทำเล” ที่เรามีอยู่ หรือเล็งเห็นด้วยตาเปล่านั้น เป็นทำเลที่ดี ที่เหมาะกับการเปิดร้าน ทำธุรกิจ หรือซื้อแฟรนไชส์อะไรสักอย่างมาเปิดให้บริการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะเลือกหรือบอกได้ว่าทำเลไหน เป็นทำเลที่ดีนั้น จำเป็นจะต้องพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายๆ ข้อ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะหากเลือกทำเลผิดไปแล้ว โอกาสในการจะประสบความสำเร็จก็จะเป็นไปได้ยากมากขึ้นอีกหลายเท่า ทั้งนี้ ปัจจัยที่เราควรตอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์เกี่ยวกับการเลือกทำเลสำหรับทำธุรกิจ มีดังต่อไปนี้
1. ในรัศมี 3 กิโลเมตร มีอะไรล้อมรอบอยู่
ไม่ว่าจะขายสินค้าอะไรก็แล้วแต่ หากปักมุดจากจุดที่เป็นทำเลของหน้าร้านไปแล้วในระยะ 3 กิโลเมตร ไม่ได้เป็นแหล่งชุมชน ไม่ได้เป็นหมู่บ้านจัดสรร ไม่ได้เป็นห้างสรรพสินค้า เป็นสำนักงาน เป็นตลาดสดตลาดนัด นั่นหมายความว่า ที่ตรงนั้นถือเป็นทำเลที่อาจไม่ได้นำพาโอกาสความสำเร็จมาให้เราได้ง่ายๆ เพราะโดยทั่วไป กับธุรกิจหน้าร้านแล้ว ปริมาณผู้คนในแหล่งชุมชนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะทำรายได้ให้กับเรา
ยิ่งในปัจจุบันเราสามารถทำโฆษณาผ่านเฟสบุคให้ส่งโฆษณาไปให้กับกลุ่มเป้าหมายได้แบบ “กำหนดระยะทางตำแหน่งที่ตั้งด้วยแล้ว” หากในรัศมี 3 กิโลเมตรของร้านเราเป็นแหล่งชุมชน เราก็สามารถทำให้ผู้คนละแวกนั้นกลายมาเป็นลูกค้าเราได้ไม่ยาก เพราะ 3 กิโลเมตร คือระยะทางที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเดินเท้า จักรยาน หรือรถยนต์ส่วนตัว
2. กลุ่มคนประเภทไหนอยู่ใกล้เราในรัศมี 3 กิโลเมตร
แม้จะรู้แล้วว่าในรัศมี 3 กิโลเมตรจากทำเลร้านเรา เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน แต่หากเราไม่จักกลุ่มคนในละแวกนั้นดีพอ การทำการค้าขายของเราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยากขึ้น ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสำรวจพื้นที สำรวจลักษณะพฤติกรรมของผู้คนในละแวกทำเลเราอย่างละเอียดเสียก่อน ว่าเขาเดินผ่านหน้าร้านเราในช่วงเวลาใดบ้าง คนส่วนใหญ่เป็นใคร อายุเท่าไร เป็นนักเรียน หรือว่าคนทำงาน มีฐานเงินเดือนประมาณเท่าไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ เพื่อให้เราสามารถนำเสนอสินค้าของเราให้กับพวกเขาได้อย่างถูกใจมากที่สุด
3. มีพื้นที่ในการจอดรถได้หรือไม่?
แม้จะเป็นทำเลที่ดีมากๆ ที่คนสามารถเดินมาได้ แต่ทว่า หากทำเลของเรา หน้าร้านของเรา สามารถมีพื้นที่ให้ลูกค้าสามารถจอดรถได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเรียกลูกค้าเข้าร้านได้อีกหลายเท่า ดังนั้น ในการเลือกทำเล เราจึงจำเป็นต้องคิดเผื่อเรื่องที่จอดรถเอาไว้ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ซึ่งถึงแม้ที่ร้านของเราจะไม่มีที่สำหรับให้จอดรถ แต่เราก็ควรมองดูพื้นที่ใกล้เคียงร้านเราว่า มีที่ใดสามารถให้บริการจอดรถได้ด้วยหรือไม่ ไม่ว่าจะฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย เพราะถ้าพื้นที่จอดรถอยู่ไม่ไกลจากร้านค้าของเรา ก็เป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดใจ ให้ความสะดวกสบายที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าจะมาร้านเราดีหรือไม่
4. สำรวจร้านค้าคู่แข่ง
ทำเลดี มีที่จอดรถ มีคนผ่านหน้าร้านเป็นจำนวนมาก อยู่ใกล้แหล่งชุมชนคนพลุกพล่าน แต่ทว่าถ้าในพื้นที่นั้นมีร้านค้าประเภทเดียวกันกับเราหลายร้าน และเป็นร้านใหญ่ๆ ทั้งหมด ก็น่าคิดว่านั่นอาจไม่ใช่ “ทำเลที่ดี” สำหรับรายเล็กแบบเราก็เป็นได้ เพราะหากเราไม่ได้มีทุนที่มากพอในการจะแย่งพื้นที่โฆษณา ไม่ได้บริการหรือสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีกว่า ราคาดีกว่า พอที่จะไปสู้ “เจ้าเก่า” ที่เก๋าอยู่ในทำเลเดิมอยู่ก่อนแล้วล่ะก็ การเลือกที่จะมองหาทำเลใหม่ ที่แม้จะไม่ได้คนพลุกพล่านเท่า แต่ไม่มีคู่แข่งอยู่เลย ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายมากกว่า
ในการจะตัดสินว่า “ทำเล” ตรงไหนเป็นทำเลที่ดีนั้น เราไม่สามารถตัดสินได้ด้วยตาเปล่า ไม่สามารถฟันธงได้ว่ามีคนผ่านเยอะ มีแหล่งชุมชนอยู่รายล้อม ฯลฯ แล้วทุกอย่างจะโอเค แต่เราต้องทำการลงพื้นที่สำรวจพฤติกรรมลูกค้า ดูองค์ประกอบที่อำนวยความสะดวกสบาย ตลอดไปจนถึงศึกษาคู่แข่งในพื้นที่ด้วยว่า เรามีโอกาสมากพอจะเป็นผู้ชนะ หรือสามารถทำการค้าในพื้นที่นั้นได้อย่างยั่งยืนหรือเปล่า? ดังนั้นแล้ว อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจในการทำธุรกิจหรือลงทุนเปิดร้านอะไร จนกว่าจะแน่ใจว่า เรามีทำเลที่ดีที่สุดอยู่ในมือ