Kerry Vs ไปรษณีย์ไทย คิดคำนวณค่าขนส่งยังไง เลือกที่ควรใส่ใจสำหรับแม่ค้าออนไลน์
ปัจจุบันโอกาสในการขายของออนไลน์นั้น นับว่ามีสูงมาก ซึ่งเป็นช่องทางรายได้หลักและเสริมให้กับคนธรรมดาๆ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองได้อย่างเรียบง่ายและไม่ยุ่งยาก แต่ทั้งนี้ ผลกำไรและการเติบโตของเหล่าบรรดาแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์นั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับการคิดหาสินค้าที่ตอบโจทย์มาขายแล้ว “ค่าขนส่ง” ยังนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต้นทุน ที่จะชี้วัดได้เลยว่าจะโตเร็วโตช้า หรือว่าขาดทุน ดังนั้นวันนี้ เราจะพาไปดูวิธีการคิดคำนวณค่าขนส่งสินค้าของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโลจิสติกส์ประเทศไทยกับครับ คือ Kerry Express และ ไปรษณีย์ไทย เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มองเห็นแนวทางในการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายการส่งสินค้าของร้านค้าตัวเองได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีการคำนวณค่าขนส่งของ Kerry Express
สำหรับอัตราค่าบริการการส่งพัสดุของ Kerry นั้น จะคิดจากปัจจัย 2 อย่างด้วยกัน คือ “ขนาด” และ “น้ำหนัก” ของพัสดุ ทั้งนี้ การคำนวณขนาด สามารถทำได้โดยน้ำ “ความกว้าง ความยาว ความสูง” มาบวกรวมกันโดยมีผลรวมเป็นหน่วย “ซม.” แล้วจึงนำมาระบุต่อว่าเป็นพัสดุประเภทไหน โดยประเภทของพัสดุนั้น มีด้วยกัน ดังนี้
1. ถุงพลาสติก (Seal Bag)
น้ำหนักไม่เกิน 3 กก. ค่าบริการ 60 บาท
2. ซองเอกสาร (Envelop)
หนักไม่เกิน 1 กก. ค่าบริการ 40 บาท
น้ำหนักไม่เกิน 3 กก. ค่าบริการ 60 บาท
3. กล่องขนาดเล็ก (S)
ขนาดกล่องไม่เกิน 60 ซม.
น้ำหนักไมเกิน 5 กก. ค่าบริการ 70 บาท
น้ำหนักไม่เกิน 10 กก. ค่าบริการ 90 บาท
4. กล่องขนาดกลาง (M)
ขนาดกล่องไม่เกิน 90 ซม.
น้ำหนักไม่เกิน 10 กก. ค่าบริการ 90 บาท
น้ำหนักไมเกิน 15 กก. ค่าบริการ 170 บาท
5. กล่องขนาดใหญ่ (L)
ขนาดกล่องไม่เกิน 120 ซม.
น้ำหนักไม่เกิน 15 กก. ค่าบริการ 170 บาท
น้ำหนักไม่เกิน 20 กก. ค่าบริการ 250 บาท
6. กล่องขนาดใหญ่พิเศษ (XL)
ขนาดกล่องไม่เกิน 150 ซม.
น้ำหนักไม่เกิน 20 กก. ค่าบริการ 250 บาท
หมายเหตุ : น้ำหนักของพัสดุ ถ้าเกินจากเกณฑ์ที่กำหนดในแต่ละ Size กล่อง จะคิดค่าบริการเท่ากับขนาดกล่อง Size ถัดไป เช่น สินค้าใส่กล่องขนาดกลางได้ แต่น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ก็จะไปคิดค่าส่งที่ขนาดกล่อง Size L คือไม่ใช่ 90 บาท แต่เป็น 250 บาท
วิธีการคำนวณค่าขนส่งของไปรษณีย์ไทย
สำหรับอัตราค่าบริการในการส่งพัสดุของไปรษณีย์ไทยนั้นจะคำนวณจาก “สถานที่ปลายทางที่ต้องไปส่ง” และ “น้ำหนักของพัสดุที่ต้องการให้ส่ง” ซึ่งสามารถคำนวณได้จากบนหน้าเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย ที่ https://www.thailandpost.co.th/un/rate_result
ตัวอย่างการกรอกรายละเอียดเพื่อคำนวณค่าส่งพัสดุกับไปรษณีย์ไทย น้ำหนัก 100 กรัม ปลายทางประเทศไทย
ตัวอย่าง น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ปลายทางในประเทศ
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เลือกใช้บริการเจ้าไหนดี?
สำหรับในการเลือกใช้บริการการขนส่งสินค้านั้น เอาจริงๆ แล้วจะให้ตอบว่าเจ้าไหนดีกว่ากัน แพงกว่ากัน ก็คงเป็นเรื่องที่ฟันธงได้ยาก เพราะเนื่องจากวิธีการคำนวณค่าบริการของแต่ละที่นั้นมีความแตกต่าง ซึ่งก็คงต้องขึ้นอยู่กับ “สินค้า” ของเราที่จะส่งด้วยเป็นสำคัญ แล้วค่อยนำมาเปรียบเทียบกันอีกที แต่ทั้งนี้ นอกเหนือจากเรื่องของราคาค่าขนส่งสินค้าแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจอีก อาทิ การบริการที่ถูกต้อง ส่งของถูก รวดเร็ว ส่งของตรงเวลา ตลอดจนการดูแลรักษาพัสดุของลูกค้า ซึ่งก็คงต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เองด้วยที่จำเป็นจะต้องทดลองใช้ เพื่อที่จะเลือกใช้บริการกับเจ้าที่คิดว่าดีที่สุดนั่นเอง
ช่องทางใหม่ที่ทำให้ต้นทุนส่งสินค้าถูกลงและกำไรเพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่าไม่ว่าจะเลือกส่งสินค้ากับบริษัทขนส่งเจ้าไหน ทุกอย่างก็ล้วนมีต้นทุนในการดำเนินการทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนต้นทุนในการขนส่งให้กลายมาเป็นกำไรในของเราแทน โดยสามารถทำได้ด้วยการ “เป็นผู้รับขนส่งสินค้าเองไปด้วยในตัว” คือเหมือนกับเราเป็นไปรษณีย์หรือเคอร์รี่เองนั่นแหละครับ ส่งของตัวเอง ก็จ่ายเงินให้ตัวเอง และในขณะเดียวกันก็รับส่งของของเจ้าอื่นไปด้วย ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง แนวทางนี้สามารถเป็นไปได้ครับ ด้วยการเปิดเฟรนไชส์ของร้าน Quick Service ร้านสารพัดบริการที่ให้บริการหลากหลาย มีช่องทางทำเงินถึง 8 ช่องทาง อาทิ ส่งพัสดุด่วน จ่ายบิล ต่อภาษี พ.ร.บ. ถ่ายรูปด่วน ถ่ายเอกสาร เป็นต้น
ทั้งนี้ เฟรนไชส์ Quick Service เป็นพันธมิตรหลักของไปรษณีย์ไทย และ Kerry ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าในส่วนของการขนส่งได้อย่างกว้างขวาง และยังมีส่วนต่างกำไรจากการส่งของแต่ละครั้งให้อีกด้วย อธิบายง่ายๆ ก็คือ ลูกค้ามาส่งของกับ Quick Service ที่เป็นสาขาของเรา เขาจะจ่ายในราคาที่เท่ากันกับที่ไปส่งไปรษณีย์ไทย หรือ Kerry Express แต่เจ้าของสาขา Quick Service จะได้ส่วนต่างกำไรในการดำเนินธุรกิจ หรือในการที่เจ้าของสาขา Quick Service ส่งสินค้าของร้านค้าตัวเอง ก็จ่ายในราคาปกติ แต่เราจะได้ส่วนต่างกำไรจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้ต้นทุนในการจัดส่งสินค้าเราลดลงนั่นเอง
แนวทางนี้เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ทำเป็นอาชีพหลัก ที่มีตึกอาคารสำหรับใช้ในการเปิดสาขา โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ตลอดจนกลายเป็นธุรกิจที่มั่นคงได้ในระยะยาว ตามกระแสของยุค E-Commerce ที่กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นในประเทศไทย และจะเติบโตต่อไปเป็นอีกหลายสิบปี
สนใจติดต่อขอรับรายละเอียดเฟรนไชส์
Quick Service ได้ที่
https://line.me/R/ti/p/@quickService
หรือโทรสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์
063-965-6965 (คุณชาตรี ),
086-091-6872 (คุณชัยนนท์)