“ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” คือ ความจริงสำคัญซึ่งเหล่าคนที่อยากทำธุรกิจ เปิดร้านขายของ หรือซื้อแฟรนไชส์มาสร้างกิจการของตัวเองนั้นต่างตระหนักกันดีว่า จำเป็นต้องเฟ้นหาทำเลที่เหมาะสมให้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ก็อาจจะสงสัยว่า “แล้วแบบไหนล่ะ คือทำเลที่ดี” ต่อจากนี้ไปคือ หลักการสำคัญ 5 ข้อ ที่จะพอสามารถชี้ให้เราเห็นว่า ถ้าพื้นที่ใดก็ตามมีองค์ประกอบตาม 5 ข้อนี้ ถือว่าเป็นทำเลที่ดี สำหรับการเลือกเปิดร้านขายของ เปิดธุรกิจแฟรนไชส์
1. ความหนาแน่นของว่าที่ลูกค้าต้องมาก
ยิ่งมีจำนวนผู้คนอาศัยอยู่ในละแวกพื้นที่นั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งนับได้ว่าพื้นที่นั้นเป็นทำเลที่เหมาะสมกับการเปิดธุรกิจมากเท่านั้น และยิ่งจำนวนผู้คนในพื้นที่นั้น เป็น “กลุ่มเป้าหมาย” ของสินค้าและบริการเราแล้วด้วยล่ะก็ โอกาสในการประสบความสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นแล้ว ในการเลือกหาทำเลที่ดี ข้อแรกเราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า “ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา” แล้วไปเฟ้นหาพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายของเราอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นให้ได้มากที่สุด
2. อยู่ใกล้แหล่งชุมชน เข้าถึงง่าย สะดวกสบายในการมาใช้บริการ
ไม่เพียงแต่ต้องเลือกพื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายเราเท่านั้น แต่ทำเลที่เราเลือก จำเป็นจะต้องเป็นพื้นที่ “เปิด” ที่สามารถทำให้ “ผู้คน” เข้ามาใช้บริการ หรือ เห็นสินค้าและบริการของเราได้ง่ายๆ เพราะต่อให้เรามีสินค้าดีแค่ไหน คือ เปิดร้านอยู่ในพื้นที่ที่จำนวนประชากรมากเพียงใด แต่หากกลุ่มเป้าหมายไม่สามารถเข้าถึงร้านค้าของเราได้ โอกาสในการขายของเราก็จะลดน้อยลง
ดังนั้น แหล่งชุมชน ตลาดนัด ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่สาธารณะในตำบล อำเภอใหญ่ ที่เป็นแหล่งสัญจรไปมาหาเห็นได้ง่าย จึงถือเป็นทำเลทองที่จะทำให้ผู้คนหลั่งไหลมากองรวมกันและเห็นร้านค้าของเราได้มากที่สุด ทั้งนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของพื้นที่ให้บริการ ที่หากอำนวยความสะดวกในการมีที่จอดรถได้ มีรถขนส่งสาธารณะวิ่งผ่าน ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับเราได้มากขึ้น
3. เวลาทองยาวนานเพียงใด
ต่อให้ได้ทำเลทองที่มีผู้คนผ่านเยอะมากแค่ไหน บางทีเราก็ต้องดูด้วยว่า ช่วงเวลาที่ผู้คนผ่านเยอะๆ นั้น เป็นช่วงเวลาใด หากเป็นเพียงแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ก็เท่ากับว่าเรามีโอกาสขายเพียงแค่ช่วงเวลาเดียว กลับกันหากเป็นพื้นที่ที่ตอนเช้าก็มีผู้คนผ่าน กลางวันก็มีผู้คนมาแวะหาอาหารกลางวันทาน ตอนเย็นก็เป็นพื้นที่สำหรับผู้คนเลิกงานมาเดินช้อปปิ้งยาวตลอดไปจนกลางคืน แบบนี้ถือว่าเรามีโอกาสขายได้เกือบตลอดทั้งวัน นั่นจะยิ่งทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จให้มากขึ้น ดังนั้น ต้องพิจารณาถึงเรื่องของช่วงเวลาทองด้วย เพื่อตัดสินใจได้อย่างชัดเจนว่า พื้นที่นั้นเป็นทำเลทองจริงๆ
4. มีคู่แข่งเราอยู่มากน้อยแค่ไหน
การลงไปเปิดธุรกิจหรือขายของอะไรก็แล้วแต่โดยไม่ดูว่ามีคู่แข่ง หรือร้านค้าประเภทเดียวกันกับเรามากน้อยแค่ไหน ถือว่าเป็นการประมาทอย่างร้ายแรง เพราะต่อให้พื้นที่นั้นเป็นทำเลที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่มากเพียงใด ถ้ามีร้านค้าแบบเดียวกันมากเกินไป โอกาสในการขายของเราก็จะยากมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าเราไม่สามารถสร้างความแตกต่าง หรือความโดดเด่นที่ชัดเจนกว่าได้ ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้การเปิดกิจการของเราล้มเหลวได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำเลใด ต้องลงพื้นที่สำรวจให้แน่ใจก่อนว่า เราไม่ต้องสู้รบกับร้านค้าอื่นมากเกินไป
5. ต้นทุนทำเลแพงมากน้อยแค่ไหน
สำหรับการเปิดธุรกิจโดยไม่ได้มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ต้องไปเช่าพื้นที่ในการขายของนั้น เราจำเป็นจะต้องคำนวณต้นทุนทำเลของเราให้ดี เพราะบางทีแม้ว่าจะเป็นทำเลที่มีผู้คนพลุกพล่าน มีโอกาสขายได้มาก แต่ถ้าหากค่าที่นั้นแพงเกินไป ไม่สอดคล้องกับสินค้าและบริการของเรา ก็อาจทำให้ประสบความล้มเหลวได้
ดังนั้น ในการเลือกทำเล เราจำเป็นต้องนำปัจจัยเรื่องต้นทุนมาเป็นตัวตั้งด้วย บวกกับต้องดูว่า สินค้าและบริการของเรานั้น ราคาเป็นอย่างไร กำลังซื้อของคนในพื้นที่มีมากแค่ไหน ถ้าประเมินแล้วสามารถทำกำไรได้ แบบไม่หืดขึ้นคอเกินไป คำนวณแล้วเห็นชัดเจนว่าสู้ค่าที่ไหว นั่นจึงจะถือว่าเป็นทำเลที่ดี ที่มีโอกาสทำให้เราประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
ทำเลขายของ ทำเลเปิดแฟรนไชส์ ที่ไม่ได้ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถัน เสมือนเป็นการตัดโอกาสประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เพราะทำเลเปรียบเสมือนกับประตูเปิดทางให้ผู้คนเข้ามาสู่ร้านเรา ทำให้เรามีโอกาสขายของได้ ดังนั้น หากเลือกทำเลไม่ดี ไม่วิเคราะห์อย่างรัดกุมแล้ว บางทีอาจทำให้เราเหมือนทำธุรกิจในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ที่แม้จะมีของดีบริการดีเพียงใด กว่าจะมีใครมาเห็นมาพบ เราก็อาจจบชีวิตจบอนาคตของเราเสียก่อน ก็เป็นได้