แฟรนไชส์ ดีจริงไหม ? ปัจจุบันไม่ว่าใครก็คิดอยากเป็น “เจ้าของธุรกิจ” ด้วยกันทั้งนั้น แต่การจะสมหวังดังฝันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ทั้งนี้ อีกหนึ่งทางเลือกของการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เหมือนกันก็คือ การเลือกซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลากหลายสินค้า แต่แฟรนไชส์ไหนจะดี จะโดน จะดัง ปัง และควรเลือกที่สุดนั้น วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน เพื่อให้การเลือกเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ของเรานั้น เป็นการเลือกที่ถูกต้อง และมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากที่สุด
10 ข้อควรรู้ก่อนเลือกแฟรนไชส์
เลือกยังไงให้ได้ธุรกิจที่ใช่เติบโตไกล
1. เริ่มเลือกจากความชอบ เพราะอะไรที่ไม่ชอบ สุดท้ายก็คงไม่ใช่
การเลือกแฟรนไชส์ก็เหมือนการเลือกงานนั่นแหละครับ ที่เราต้องเริ่มต้นเลือกจากธุรกิจที่เราชอบและสนใจเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเกิดเราไม่ได้ชอบไม่ได้สนใจในธุรกิจนั้นแล้ว เราก็จะไม่มีความอดทนมากพอที่จะเรียนรู้หาวิธีที่จะทำให้มันเติบโต หรือไม่มีความอดทนมากพอจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ทำให้สุดท้ายการซื้อแฟรนไชส์นั้น ก็จะกลายเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวในที่สุด
2. เลือกธุรกิจที่อยู่ในกระแส ถ้าไม่อยากพ่ายแพ้ตกเทรนด์ตกยุค
ในการจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ เราจำเป็นต้องดูเทรนด์ของตลาดด้วยว่ามีแนวโน้มสนับสนุนธุรกิจของเราหรือไม่ อย่างเช่นในยุคปัจจุบันนี้ที่เป็นยุคดิจิตอล ผู้คนใช้อินเตอร์เน็ตและมีชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเรายังจะเริ่มต้นทำธุรกิจขาดแผ่นซีดีแล้วล่ะก็ โอกาสในการล้มเหลวย่อมมีมากกว่า หรือต่อให้เอาตัวรอดได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเติบโตได้อย่างที่ใจต้องการ ดังนั้น เราจึงต้องเลือกธุรกิจที่อยู่ในกระแสด้วย หรือเลือกแฟรนไชส์ธุรกิจที่ไม่ว่ายุคไหนก็มีโอกาสเติบโตได้เสมอ อย่าง แฟรนไชส์ร้านอาหาร เป็นต้น
3. เลือกแฟรนไชส์ที่มีความแตกต่าง เพื่อสร้างความโดดเด่นได้อย่างรวดเร็ว
ใน 1 ธุรกิจสินค้า ก็มีแฟรนไชส์หลายแบรนด์ ในการเลือกว่าจะล่มหัวจมท้ายกับแฟรนไชส์แบรนด์ไหนนั้น เราก็ต้องพิจารณาถึงภาพลักษณ์และความโดดเด่นที่แตกต่างด้วย เพื่อให้เรามีโอกาสในการทำการตลาด ในการหาลูกค้าที่ง่ายมากกว่า เพราะว่าถ้าแบรนด์แฟรนไซส์เราเป็นเพียงแค่ “ร้านๆ หนึ่ง” ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ลูกค้าก็คงหันมามองเห็นได้ยาก และสนใจได้ยาก ทำให้โอกาสในการประสบความสำเร็จของเราก็ลดน้อยลงไปด้วย
4. เลือกแฟรนไชส์ที่มีระบบ มีทุกอย่างครบในการสนับสนุนธุรกิจ
การที่เราไม่ลงทุนทำธุรกิจเอง แต่เลือกที่จะซื้อแฟรนไชส์แทนนั้น ก็เพราะเราต้องการ “ได้ระบบ” ที่เจ้าของธุรกิจได้คิดริเริ่มสร้างสรรค์และทดลอง ลองผิดลองถูกมาแล้วว่าได้ผล ซึ่ง Know How และ ระบบการทำงานเหล่านี้เอง คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แฟรนไชส์ไปต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น ในการเลือกว่าจะตัดสินใจเลือกแฟรนไชส์ไหน ให้เราพิจารณาดูว่า เขามีระบบสนุนการทำธุรกิจให้เราหรือไม่ และดีแค่ไหน มีวิธีการทำงาน มีการเทรนการสอนงาน ให้เราเริ่มต้นได้อย่างมีมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งถ้ามองแล้วแฟรนไชส์ไหนดูไม่มีระบบที่ดี ที่จับต้องได้แบบชัดเจนล่ะก็ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจไป เพราะนั่นอาจเป็นการทำให้เราสูญเสียเงินไปเปล่าๆ โดยไม่รู้ตัว
5. เลือกจากผลงานความสำเร็จที่ผ่านมา พิจารณาดูว่าเจ๋งมากน้อยแค่ไหน
จะมีอะไรการันตีได้ดีเท่ากับ การที่แฟรนไชส์นั้นๆ ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่าสามารถเติบโต และมอบความสำเร็จให้กับผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปได้อีก ดังนั้น ลองมองดูความสำเร็จของธุรกิจให้ดี ว่าเปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จนั้นมีมากกว่าความล้มเหลวแค่ไหน โดยถ้าแฟรนไชส์ใดมีตัวเลขของความสำเร็จที่มากกว่า มีตัวอย่างความสำเร็จของสาขาให้เห็นได้อย่างเด่นชัดจับต้องง่าย แสดงว่าแฟรนไชส์นั้นถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่เราสามารถมีโอกาสฝากความหวังเอาไว้ได้
6. อยู่ในวงการมานานแค่ไหน เพราะจะก้าวไปได้ไกลต้องมีประสบการณ์มากพอ
แม้ว่าหลายๆแฟรนไชส์จะมีความสำเร็จให้ได้เห็นกันมาก มีตัวเลขผลกำไรหรือยอดรายได้ที่น่าดึงดูดแสดงให้เราเห็น แต่ทว่า เราก็จำเป็นต้องพิจารณาระยะเวลาที่ธุรกิจนั้นดำเนินมาด้วยว่ายาวนานแค่ไหน เพราะบ่อยครั้งความสำเร็จทางธุรกิจก็เป็นเพียงการเข้าถูกที่ถูกเวลา แต่พอจังหวะนั้นผ่านไป ความสามารถที่แท้จริงต่างหากที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ดังนั้น แฟรนไชส์ไหนผลงานดี อยู่ในวงการมาได้ยาวนานเป็นสิบๆ ปีล่ะก็ มีแนวโน้มว่าเป็นแฟรนไชส์ที่ดี มีคุณภาพและมีประสบการณ์มากพอที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับเราได้
7. แฟรนไชส์นั้นผู้บริหารมีประวัติใสสะอาด ไม่เคยเดินพลาดเข้าสู่ทางดำมืด
ธุรกิจแฟรนไชส์บางธุรกิจก็ไม่ได้ใสสะอาดมากนัก แต่เป็นการระดมทุนของเจ้าของที่หวังมาหากำไรกับผู้คนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดังนั้น ในการเลือกแฟรนไชส์ เราจึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงตัวผู้บริหาร ตัวเจ้าของธุรกิจด้วยว่า เป็นคนดีแค่ไหน มีจริยธรรม มีคุณธรรมในการบริหารงานเพียงใด มีประวัติในการทำงานเป็นอย่างไร และมีตัวตนที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนที่ตั้งใจหากำไรจากความหวังของผู้อื่น
8. ซื้อแฟรนไชส์แล้วไม่ทิ้ง เคียงข้างกันจริง ทำทุกสิ่งให้เติบโตไปด้วยกัน
หลายๆ แฟรนไซส์เมื่อซื้อไปแล้ว ก็เหมือนจบกัน ทางเจ้าของไม่ได้มีกระบวนการในการดูแลต่อ ไม่มีกระบวนการในการให้คำปรึกษาที่ดีพอ ที่จะทำให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนประสบความสำเร็จ ดังนั้น ในการเลือกแฟรนไชส์จึงจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันถึงเรื่องบริการหลังการขายด้วยว่า ทางเจ้าของธุรกิจจะดูแลอย่างไร ยิ่งกับแฟรนไชส์ที่มีการเก็บค่าดูแลรายปีแพงๆ ด้วยแล้ว จำเป็นต้องเคลียร์ให้เข้าใจว่า ที่เราจ่ายไปนั้น เราจะได้การดูแลหลังการขายอย่างไรบ้าง
9. อยากซื้อแฟรนไชส์อย่าเชื่อแค่ที่ใครบอก แต่เราต้องออกไปสำรวจตลาดด้วยตัวเอง
ผลงานที่เราได้เห็นในการพิจารณาเลือกแฟรนไชส์ ตัวเลขที่เราได้รับการนำเสนอ คำพูดคำโฆษณาที่เจ้าของธุรกิจบอกเรา ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงเท่านั้น ในการเลือกแฟรนไชส์ที่ดี เราควรที่จะลองลงพื้นที่ ไปดูสาขาของแฟรนไชส์ด้วยตาเราเองด้วยว่า มีการให้บริการอย่างไร มีระบบการทำงานอย่างไร อาจจะลองไปเป็นลูกค้าดู อาจลองส่งคนไปสอบถามทดสอบดู ในหลายๆ สาขา เพื่อพิสูจน์ว่า ดีจริงหรือไม่? หรืออาจจะลองถามจากผู้ใช้บริการดูด้วยว่า เคยใช้บริการแล้วรู้สึกอย่างไร คำตอบเหล่านี้จะทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นว่า เราควรจะเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์นี้หรือไม่
10. เจ้าของแฟรนไชส์ ไม่ได้หยุดพัฒนาตัวเอง
แฟรนไชส์ที่ดี ต้องเป็นแฟรนไชส์ที่เจ้าของไม่หยุดพัฒนาตัวเอง คือมีการคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ สินค้า บริการใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ รวมถึงต้องมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ตัวเองให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอยู่ตลอดเวลาด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไป ทำตลาดได้ง่าย เพราะเจ้าของปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ขายเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรพัฒนาต่ออีก เพราะในขณะที่คนอื่นเขาพัฒนา ถ้าแฟรนไชส์เราไม่พัฒนาด้วย ในไม่ช้าก็คงพลาดท่าตามไม่ทันและเสี่ยงล้มเหลวลงได้ในที่สุด
แม้การลงทุนเลือกซื้อแฟรนไชส์จะใช้เงินทุนในเริ่มต้นที่น้อยกว่าการสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่เงินจำนวนนั้นก็ถือว่ามีค่าและสำคัญมากกว่าเกินกว่าจะยอมเสียไปง่ายๆ โดยไม่เลือกอย่างพิถีพิถัน ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจเลือกแฟรนไชส์ธุรกิจใด ก็จำเป็นต้องหาข้อมูล ศึกษาข้อดีข้อเสีย และโอกาสทางธุรกิจให้รอบคอบอย่างดีเสียก่อน เพื่อให้การลงทุนของเราเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด และมีโอกาสทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่หวังเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
แฟรนไชส์ (อังกฤษ: franchise) เป็นชื่อเรียกการทำธุรกิจโดยมีการให้สิทธิและส่วนการครอบครองการบริหารจัดการและการจัดจำหน่ายทั้งหมดในมือของผู้ที่ได้รับกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม โดยเริ่มมาจากบริษัท ทำรางรถไฟ และบริษัทสาธารณูปโภค ที่พยายามขยายการเติบโตของบริษัทให้มากที่สุด โดยการออกขายสิทธิ์ที่ได้รับสัมปทาน รวมทั้งขายชื่อของกิจการ รวมทั้งระบบการทำงานของตัวเองให้ผู้อื่นโดยทำให้มีแบบแผนในการจัดการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการขยายตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายของธุรกิจผ่านผู้ประกอบการอิสระ
โดยบริษัทจะให้สิทธิเครื่องหมายการค้าและวิธีการในการทำธุรกิจที่จะถ่ายทอดให้ในรูปแบบของการทำงานทั้งหมด เช่น ระบบการผลิต ระบบการขาย ระบบการบริหารการตลาด เพื่อที่จะให้รูปแบบวิธีดำเนินธุรกิจในทุกๆสาขาให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันตามต้นแบบของบริษัท