ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ จะเติบโตได้ก็ต้องตามเท่าทัน “พฤติกรรมและความสนใจของผู้บริโภค” ให้ทัน เพราะการซื้อขายจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อทำให้ลูกค้าซื้อ และลูกค้าจะซื้อได้ ก็ต่อเมื่อ คนขายหรือธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตอบโจทย์
หลายๆ ธุรกิจล้มพับไป เพราะเปลี่ยนตัวเองตามพฤติกรรมผู้บริโภคไม่ทัน นั่นจึงทำให้สำหรับคนทำธุรกิจแล้ว จะต้องให้ความสำคัญกับการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากๆ แล 4 เทรนด์พฤติกรรมจากนี้เป็น คือ เทรนด์ที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจแฟรนไชส์ Quick Service ยิ่งมีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น
1.คนในประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มตัว
พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแม้หลายๆ คนจะมองว่า ความเลื่อมล้ำของรายได้ จะทำให้มีแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่ซื้อของออนไลน์ได้ เพราะถ้าไม่มีสมาร์ทโฟน ก็จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว
แต่ในความเป็นจริงนั้นปัจจุบันสมาร์ทโฟนไม่ได้แพงอย่างที่คิด และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบก้าวกระโดดและไม่ได้กระจุกอยู่แค่ในเมือง
แต่ทุกจังหวัดผู้คนจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์มากขึ้นทุกปี และเมื่อมีการซื้อของออนไลน์มากขึ้น ปริมาณพัสดุจัดส่งก็จะยิ่งมากตามเป็นเท่าทวีคูณ ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อยอดขายและกำไรของสาขา Quick Service โดยตรงที่เป็นร้านให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน
2.พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
โลกออนไลน์ไม่ได้เป็นโอกาสให้แค่ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ให้ผู้คนสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ง่ายมากขึ้นด้วย ซึ่งแนวทางของการค้าขายออนไลน์ ย่อมทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายและการจัดส่งพัสดุที่มากขึ้นอยู่แล้ว
แต่ที่สำคัญก็คือ เนื่องจากร้านค้าออนไลน์จะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมียอดขาย ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าที่เพิ่มมากขึ้น ก็จะทุ่มทำการตลาด ทุ่มงบประมาณเงินลงมาในระบบเพื่อกระตุ้นยอดขาย
และแน่นอนพอเป็นเช่นนั้น Quick Service ก็ได้รับอานิสงค์ไปเลยเต็มๆ โดยไม่จำเป็นต้องทำการโปรโมทแต่อย่างไร เพราะเมื่อลูกค้าเห็นโฆษณาร้านค้าออนไลน์ แล้วซื้อของ การส่งพัสดุก็จะเกิดขึ้นตามไปในทันที
3.โรคระบาดทำให้การซื้อของออนไลน์จะกลายเป็น New Normal
ไม่มีใครตอบได้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไร แต่สิ่งที่ตอบได้เลยก็คือ หลังจากนี้ไปการซื้อออนไลน์จะกลายมาเป็น New Normal สำหรับทุกคนอย่างแน่นอน เพราะความปลอดภัย การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรค
วิถีการทำงานแบบ Work From Home นั้น ได้กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงยิ่งกระตุ้นให้ยอดการใช้บริการสาขาของ Quick Service จะค่อยๆ เติบโตขึ้นไปตามเทรนด์ของโลก
4.ความต้องการบริการแบบ One Stop Service
ยิ่งผู้คนเสพติดการใช้อินเตอร์มากขึ้น ความสามารถในการรอคอยก็จะยิ่งลดน้อยลง เพราะปกติทำอะไรก็ใช้แค่ปลายนิ้วคลิกๆ ก็จบเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ ยังคงมีธุรกรรมต่างๆ รวมถึงกิจธุระบางอย่าง ที่อยากจะต้องทำแบบออฟไลน์
ดังนั้น การต้องการบริการแบบ One Stop Service ที่เดียวจบครบทุกบริการจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองหามากขึ้น และ Quick Service เองก็เป็นแบบนั้น คือเมื่อเดินทางมาที่สาขา ลูกค้าจะสามารถใช้บริการจำเป็นทุกอย่างในชีวิตได้ครบจบในคราวเดียวแบบรวดเร็วทันใจ
ไม่ว่าจะเป็นการส่งพัสดุ ใช้บริการจุด Drop Off ถ่ายรูปติดบัตร ต่อ พรบ. ประกันภัย ภาษีรถยนต์ ขอสินเชื่อบ้านและรถยนต์ จ่ายบิล เติมเงิน โอนเงิน ฯลฯ ซึ่งเมื่อสามารถตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้ลูกค้าประทับใจได้ ก็จะก่อเกิดเป็นการใช้บริการซ้ำและบอกต่อ ทำให้ Quick Service เติบโตได้มากยิ่งขึ้น
หลายปีก่อนหน้านี้มีคำทำนายว่า “อาชีพไปรษณีย์” หรือคนส่งพัสดุจะสูญหายไป แต่วันนี้เชื่อว่าทุกคนคงมีคำตอบในใจแล้วว่าไม่เพียงการส่งพัสดุจะยังคงอยู่รอดเท่านั้น แต่จะเติบโตแบบพุ่งแรงจนหยุดไม่อยู่ ทุกคนสามารถกลายเป็นคนส่งพัสดุเพื่อสร้างโอกาสสร้างรายได้กันอย่างเต็มที่
ภายใต้อาชีพพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งเมื่อแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทรนด์กระแสการเติบโตของธุรกิจเป็นเช่นนี้ นั่นเองจึงยิ่งสนับสนุนให้โมเดลธุรกิจของ Quick Service สามารถเติบโตต่อเนื่องไปได้อย่างมั่นคงมากๆ ในอนาคต
สำหรับใครที่สนใจอยากทราบรายละเอียดในการเปิด Quick Service ที่ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 500 สาขานั้น ก็สามารถลงชื่อไว้ได้เลย เจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อกลับเพื่อให้รายละเอียด
ซึ่งต้องบอกเลยครับว่า ช้าแล้วอาจจะเสียดายไปตลอดชีวิต เพราะเปิดได้เพียงแค่ 1 ตำบล 1 ชุมชน 1 สาขา เท่านั้น เพื่อเน้นความยั่งยืนของผู้ลงทุนให้ประสบความสำเร็จกับการเปิด Quick Service ให้ได้มากที่สุด