ปัจจุบันเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนเอกชน” นั้น มีออกมาเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนกันค่อนข้างมาก อันเนื่องมาจากการเติบโตของโลกยุคดิจิตอล ที่ทำให้การซื้อของออนไลน์นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคนี่รักความสะดวกสบาย จึงยิ่งเป็นโอกาสให้ธุรกิจขนส่งพัสดุนั้นเติบโต ทั้งนี้ ท่ามกลางตัวเลือกแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุอันหลากหลายนั้น ผู้ลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาความต่างให้ดี ว่าแบรนด์ใดเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด และต่อจากนี้ไป คือความแตกต่างที่ทำให้ Quick Service เป็นบริการส่งพัสดุด่วนที่ไม่เหมือนแบรนด์ไหน และจะช่วยทำให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
1. รายได้ได้เต็ม ไม่ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้บริษัทอีก
หลายๆ แฟรนไชส์นั้น นอกจากจะต้องเสียค่าแรกเข้าในการลงทุนแฟรนไชส์แล้ว ในส่วนของรายได้ที่สาขาทำได้ ยังต้องมีการหักแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับบริษัทแม่อีกแบบเป็นรายเดือน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้สาขาคืนทุนช้าลง และเติบโตได้ช้าลงตามไปด้วย ทั้งนี้ สำหรับ Quick Service นั้นแตกต่างออกไป เพราะผู้ลงทุนจะได้ “รายได้แบบเต็ม” โดยที่ไม่ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ใดๆ ให้กับบริษัทอีกแล้ว กล่าวคือ หากทำยอดเดือนนั้นได้ 1 แสนบาท สาขาก็จะได้ไปเลยเต็มๆ ไม่ต้องหัก ไม่ต้องแบ่งใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้โอกาสในการคืนทุนนั้นเร็วขึ้น และเติบโตได้อย่างมั่นคงก้าวไกลได้มากขึ้น
2. มีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แฟรนไชส์ส่งพัสดุด่วนทั่วไป จะมีรายได้ทางเดียวมาจากบริการรับส่งพัสดุ แต่ Quick Service นั้นแตกต่างออกไปคือ นอกจากรายได้ที่ได้จากการจัดส่งพัสดุด่วนแล้ว ก็ยังมีช่องทางรายได้อีกมากมาย อาทิ การเป็นจุด Drop Off ให้กับ Lazada และ Shoppee การให้บริการเป็นเคาน์เตอร์เซอร์วิส จ่ายบิล เติมเงิน การให้บริการต่อภาษี พ.ร.บ. ประกัน ภาษี รถยนต์ บริการแนะนำสินเชื่อบ้านและรถ บริการถ่ายรูปด่วน จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว ในอนาคต Quick Service ก็จะมีช่องทางรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินลงทุน เพราะเราดำเนินธุรกิจด้วยความเชื่อที่ว่า ยิ่งมีรายได้หลายช่องทางมากเท่าไร ธุรกิจก็จะยิ่งมั่นคงมากเท่านั้น และเราก็ต้องการให้ทุกสาขาของเรามั่นคงและเติบโตให้ได้มากที่สุด
3. มีรถมารับพัสดุไปส่งให้ถึงที่ ไม่ต้องวิ่งส่งพัสดุเอง
เนื่องจาก Quick Service เป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการกับ Kerry Express ทำให้หากลูกค้าเลือกส่งในระบบของ Kerry แล้ว ทุกๆ วันจะมีรถจาก Kerry มารับพัสดุที่สาขาแล้วนำไปจัดส่งเข้าระบบเอง ทำให้สะดวก และลดต้นทุนในการทำงานของสาขาไปได้อย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นความแตกต่างจากแฟรนไชส์พัสดุเอกชนอีกหลายๆ เจ้า ที่จำเป็นต้องมีพนักงานวิ่งนำของไปส่งอีกต่อหนึ่ง จึงทำให้มีต้นทุนเกิดขึ้น และอาจเกิดความล่าช้าในการส่งพัสดุที่มากขึ้น
4. จำกัด 1 ตำบล 1 สาขา ไม่ต้องกลัวว่าจะแย่งรายได้กันเอง
หลายๆ แฟรนไชส์เน้นการขยายสาขาเพื่อการเติบโตของบริษัทแม่เป็นหลัก จนทำให้บางทีในพื้นที่หนึ่งๆ นั้น มีร้านแฟรนไชส์ด้วยกันตั้งอยู่มากเกินไป กลายเป็น “แย่งรายได้กันเอง” ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็จะมีแฟรนไชส์ที่ตายลงในที่สุด ซึ่ง Quick Service ตระหนักในจุดนี้ดี และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะเคียงข้างและสนับสนุนให้ทุกสาขาที่เปิดเติบโตได้อย่างมั่นคงมากที่สุด ดังนั้น Quick Service จึงไม่เร่งขยาย ไม่เร่งเพิ่มจำนวนสาขา แต่จะเน้นการเปิดสาขาที่เปิดแล้วต้องแน่ใจให้ได้มากที่สุดว่า มีโอกาสจะประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยการกำหนดพื้นที่ให้ 1 ตำบล เปิดได้ 1 สาขาเท่านั้น เพื่อให้สาขาได้มีลูกค้าประจำจำนวนมากพอ ไม่ต้องถูกแย่งจากแบรนด์เดียวกันเอง
5. เปิดมาแล้วกว่า 9 ปี มีสาขาทั่วประเทศไทย
อีกหนึ่งความต่างที่ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยของ Quick Service คือเราเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ที่เปิดดำเนินกิจการมาแล้วยาวนานร่วม 10 ปี และปัจจุบันมีสาขามากกว่า 350 สาขาทั่วประเทศ นั่นจึงทำให้มั่นใจได้ว่า Quick Service มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการการให้บริการด้านการขนส่งพัสดุด่วนมากพอที่จะนำพาให้ธุรกิจราบรื่นไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ ก็มั่นใจได้ว่า จะไม่ถูกหลอก ถูกโกง เพราะเป็นพันธมิตรกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท อาทิ Lazada Shoppee ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯลฯ ซึ่งถ้า Quick Service ไม่น่าเชื่อถือจริงๆ ก็คงไม่สามารถจับมือกับแบรนด์ใหญ่เหล่านี้ได้
แม้ธุรกิจจะเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน รูปแบบคล้ายกัน แต่เมื่อเจาะลึกลงไปถึงรายละเอียด และวิธีการทำงาน ตลอดจนวิสัยทัศน์ของบริษัทแล้ว ผู้ลงทุนก็จะสามารถมองเห็น “ความแตกต่าง” ของแต่ละแบรนด์แฟรนไชส์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในการเลือกว่าควรจะตัดสินใจลงทุนกับแฟรนไชส์ใดดีนั้น ก็ต้องดูที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวผู้ลงทุนให้ได้มกที่สุด เพราะเมื่อลงทุนไปแล้ว เราจะต้องใช้เวลาฟูมฟัก ทุ่มเท และอยู่กับธุรกิจที่เราลงทุนตลอดไป นั่นเองที่ทำให้ก่อนจะตัดสินใจลงทุนแฟรนไชส์กับแบรนด์ไหนก็แล้วแต่ การศึกษารายละเอียด สอบถามข้อมูล และใช้เวลาไตร่ตรองในทุกขั้นตอน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรรีบร้อน แต่ควรวิเคราะห์ให้แน่นอนแน่ใจที่สุดเสียก่อน