ในการตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจ หรือเปิดแฟรนไชส์ใดสักอย่างหนึ่งนั้น แน่นอนว่า “ผลตอบแทน” คือสิ่งสำคัญที่สุดอันดับต้นๆ ที่เราจะต้องทราบเพื่อคำนวณและชั่งใจดูว่า คุ้มค่าแค่ไหน ซึ่งสำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่า จะร่วมลงทุนเปิดแฟรนไชส์กับ Quick Service ดีไหม? วันนี้ เรามีรายละเอียดผลตอบแทนช่องทางต่างๆ มานำเสนอให้ทราบกัน เพื่อที่จะช่วยทำให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และไม่พลาดโอกาสดีๆ ที่อยู่ตรงหน้าไปอย่างน่าเสียดาย
1. ผลตอบแทนจากบริการส่งพัสดุด่วน
ช่องทางนี้ถือเป็นช่องทางรายได้หลักของแฟรนไชส์ Quick Service เลยก็ว่าได้ โดยข้อได้เปรียบที่ทำให้ Quick Service เหนือกว่าแฟรนไชส์อื่นๆ คือ การได้เป็นพันธมิตรกับไปรษณีย์ไทยและเคอรี่ ซึ่งส่งผลให้สาขาไม่ต้องส่งพัสดุเอง เพียงเป็นจุดรับพัสดุให้กับทั้ง 2 บริษัท และได้ค่าตอบแทนในทุกๆ กล่องพัสดุ โดยผลตอบแทนจากบริการส่งพัสดุที่สาขาจะได้รับนั้น คือ
• พัสดุส่งในระบบเคอรี่ ได้ 7.5-10% ของค่าส่งพัสดุ
• พัสดุส่งในระบบไปรษณีย์ไทย ได้ 10-45% ของค่าส่งพัสดุ
นอกจากนั้นแล้ว Quick Service ยังมีฐานะเป็นจุด Drop Off ให้กับแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของบน Lazada และ Shopee อีกด้วย ซึ่งสาขาก็ทำหน้าที่เป็นเพียงจุดรับฝากพัสดุเท่านั้น แล้วจะมีรถบริษัทของ Lazada และ Shopee มารับพัสดุไปแทน แต่สาขาได้ผลตอบแทนคือ 1.50 บาท ต่อกล่อง และภายในสาขายังมีบริการขายกล่องแพ็คเกจจิ้งให้บริการสำหรับลูกค้าอีกด้วย โดยจุดนี้ ทางสาขาจะได้กำไรประมาณ 50-100% เลยทีเดียว
2. ผลตอบแทนจากบริการ พรบ. ประกันภัย
ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางรายได้ที่มีความต่อเนื่องและเป็นรายได้ประจำที่ทำให้สาขามีความมั่นคงมากขึ้น เพราะ พรบ. ประกัน ภาษี รถยนต์นั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องทุกปี ถ้าหากว่าสาขาสามารถทำให้ลูกค้าในพื้นที่ประทับใจได้แล้ว ก็จะทำให้มีรายได้ประจำก้อนใหญ่อย่างต่อเนื่องจากการให้บริการด้านนี้ โดยผลตอบแทนในส่วนนี้ที่สาขาจะได้รับ ได้แก่
• ขาย พรบ. มอเตอร์ไซค์ ต่อภาษี 150 บาท ต่อคัน
• ขาย พรบ. รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ รับค่าคอมมิสชั่น 25-40% ต่อฉบับ
• ให้บริการต่อ ภาษี 100-150 บาท ต่อคัน
โดยสิ่งที่จะทำให้สาขา Quick Service ปิดการขายกับบริการต่อ พรบ. ประกันภัย ได้มากขึ้นนั้น ก็คือ การที่ Quick Service มีฐานะเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ บริษัทประกันภัยกว่า 30 บริษัททั่วประเทศ และมีแอปพลิเคชั่น Quick Insure ที่เปรียบเทียบราคา ทำให้ลูกค้าเลือกตัดสินใจซื้อประกันภัยได้ง่ายภายในคลิกเดียว
3. บริการแนะนำสินเชื่อบ้าน และรถยนต์
ถือเป็นหนึ่งในบริการที่ตอบโจทย์กับคนในชุมอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ มีบ้าน มีรถ และต้องการเงินทุนสำหรับสนับสนุนต่อยอดธุรกิจและการใช้ชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว โดย Quick Service นั้น ได้จับมือร่วมกันกับธนาคารไทยพาณิชย์ ทำให้สาขามีฐานะเป็นผู้แนะนำสินเชื่ออย่างเป็นทางการ สามารถให้คำแนะนำสินเชื่อกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านได้ โดยหากลูกค้าสนใจ ก็จะทำการนัดหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์มาเป็นผู้ดำเนินการขายให้ โดยหากลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อ สาขาจะได้รับค่าคอมมิสชั่น 1,000 – 4,000 บาทต่อเคส ซึ่งถือว่าเป็นยอดรายได้ที่สูงที่สุดต่อเคส เมื่อเทียบกับทุกๆ ช่องทางรายได้ที่มีให้บริการ
4. ผลตอบแทนจากบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
นอกจาก 3 บริการหลักที่เป็นช่องทางรายได้สำคัญของ Quick Service ที่กล่าวมา ร้านสาขาของ Quick Service ก็ยังมีช่องทางรายได้จากบริการอื่นๆ ที่เป็นความจำเป็นของลูกค้าอีกหลายช่องทาง โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
• บริการชำระบิล เคาน์เตอร์เซอร์วิส บิลละ 5 บาท สำหรับการชำระภายในกำหนด
และบิลละ 20-30 บาท สำหรับบิลเกินกำหนดชำระเงิน
• บริการโอนเงินธนาคาร 10-100 บาทต่อครั้ง
• บริการถ่ายเอกสาร กำไร 1-2 บาท ต่อแผ่น
• บริการถ่ายรูปด่วนติดบัตร กำไร 80-100 บาทต่อโหล
• บริการเติมเงินมือถือ กำไร 3.5-7% ต่อครั้ง
• บริการรับส่งอีเมล กำไรครั้งละ 10 บาท
• บริการรับจองตั๋วเครื่องบิลภายในประเทศ กำไร 100 ต่อตั๋ว
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Quick Service ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุน และทำให้ปัจจุบันขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วนั้น ส่วนหนึ่งมาจาก “โครงสร้างของธุรกิจ” ที่มีช่องทางในการทำรายได้หลายช่องทาง ต่างจากแฟรนไชส์อื่นๆ ที่มีเพียงแค่ช่องทางเดียว ซึ่งช่องทางรายได้ทุกๆ ช่องทางของ Quick Service นั้น ก็เป็นช่องทางที่ลูกค้าใช้บริการเป็นประจำ สม่ำเสมอ อีกทั้ง รายได้ที่ได้รับทั้งหมดในทุกๆ ช่องทาง สาขายังได้รับเต็มจำนวน ไม่ต้องมีหักแบ่งบริษัทอีกต่างหาก นั่นเองจึงทำให้ สาขาของ Quick Service มีความมั่นคง คืนทุนไว กำไรเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับใครก็ตามที่สนใจอยากลงทุนกับ Quick Service ล่ะก็ อย่ารอช้าเด็ดขาด เพราะโอกาสไม่ได้เป็นของทุกคนเสมอไป เนื่องจากนโยบายการขยายสาขาของ Quick Service นั้น คือ 1 ตำบล ต่อ 1 สาขาเท่านั้น ดังนั้น ถ้ามีทำเลอยู่ในมือ และมีเงินทุนพร้อมล่ะก็ ลองติดต่อสอบถามเข้ามาก่อนได้ว่า สามารถเปิดสาขาได้หรือไม่? เพื่อไม่ให้เสียโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
